เก็บเอาไว้ค่อนข้างนานพอสมควรครับ ไม่มีเวลามาโพสเลย การเดินทางครั้งนี้ไปตอน ตรุษจีน ที่ผ่านมา (หลายเดือนแล้ว) หลังจากไหว้บรรพบุรุษเสร็จ และจัดการกับของไหว้ลงท้องเรียบร้อย ก็ออกเดินทางจากกรุงเทพ เวลาประมาณ บ่าย 2 เดินทางโดยใช้ทางด่วนบูรพาวิถี พอลงจากทางด่วนก็เข้าถนนเลี่ยงเมืองชลบุรี ไปสายบ้านบึง แกลง จนถึงจันทบุรี รวมเวลาในการหลงทางหาที่พักด้วยแล้ว ไปถึงที่พักประมาณ 1 ทุ่ม ครั้งนี้พักที่ เกษมศานติ์ ครับ โรงแรมพึ่งปรับปรุงใหม่ สวยงาม สะอาด น่านอนมาก ในราคาที่ไม่แพง ภาพภายในห้องพักครับ ไม่ค่อยมีภาพที่พักครับ เนื่องจากต้องรีบนอนเพราะตอนเช้าต้องรีบตื่นครับ
ตี 1 ครึ่ง ได้เวลาตื่นนอนแล้วครับ รีบจัดการธุระส่วนตัวกัน แล้วออกจากโรงแรม จุดหมายอยู่ที่ อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌกูฎ เพื่อขึ้นยอดเขาพระบาท ซึ่งเป็นจุดมุ่งหมายหลักในการเดินทางครั้งนี้ ระหว่างทางจากตัวเมืองจันท์ถึงเขาพระบาทนั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ ครึ่งชั่วโมง ระหว่างทางมืดมาก แต่ไม่น่ากลัวครับ พอไปถึงที่จอดรถเพื่อจะขึ้นไปบนยอดเขา รถจอดเยอะมาก เมื่อมาถึงแล้วไหว้พระด้านล่างกันก่อน หลังจากนั้นต้องไปรอคิวรถเพื่อขึ้นเขาพระบาท ที่นี่จะไม่อนุญาตให้นำรถส่วนตัวขึ้นไปเองเพราะอันตรายมาก รถที่ใช้เกือบทุกคันคิดว่าเป็นรถ 4WD หมด รอคิวนานมากครับ เกือบ 2 ชั่วโมงได้ ตอนแรกตั้งใจว่าจะขึ้นไปให้ถึงก่อนพระอาทิตย์ขึ้น แต่ก็ไม่ทันครับ นั่งรถขึ้นไปถึงแล้วก็จะเจอกับฝูงชนนับไม่ถ้วน กว่าจะขยับกันได้แต่ละก้าวนั้นลำบากมาก สงสารคนที่พาเด็กเล็กๆ ไปจัง เพราะถูกเบียดแน่นและนานมาก ผู้ใหญ่ยังแทบแย่เลย รูปภาพช่วงที่เดินเกือบถึงรอยพระพุทธบาท ก่อนหน้านี้ไม่มีโอกาสได้ถ่ายเลยครับ
มาถึงรอยพระพุทธบาทแล้วครับ บรรยากาศข้างบนสวยงามและสดชื่นมากครับ หากคนน้อยกว่านี้ก็คงจะดี ครั้งหน้าผมจะไม่ไปช่วงเทศกาลอีกแล้วครับ ครั้งนี้ผมไม่สามารถไปจนถึงผ้าแดงได้ เพราะเบียดไปไม่ไหวแล้วครับ เลยหยุดอยู่แค่รอยพระพุทธบาท ตรงรอยพระพุทธบาทจะมีหินก้อนใหญ่มาก น่าจะชื่อว่า หินรูปบาตรคว่ำ นะครับ ตรงชื่อนี่ผมจำไม่ค่อยได้ครับ ถ้าผิดต้องขออภัยครับ หินก้อนนี้เล่ากันว่ามันลอยอยู่ครับ มีคนเคยเอาเชือกไปลอดใต้หินแล้วปรากฎว่าลอดผ่านได้ครับ
ดูบรรยากาศรอบๆ กันนะครับ ลองสังเกตคนครับว่าเยอะขนาดไหน
คนเยอะมาก
เวลาตอนนี้น่าจะประมาณ 7 โมง
หลังจากนี้กำลังจะขึ้นไปที่ผ้าแดงครับ แต่ขึ้นไปได้นิดเดียวก็ต้องถอยครับ เพราะคนไม่ขยับไปไหนเลยครับ แฟนเริ่มเดินไม่ไหวแล้วด้วยครับ ก็เลยต้องไว้โอกาสหน้า ภาพระหว่างเดินลง ตอนนี้หมอกเริ่มหายแล้วครับ แดดมาแทน แต่อากาศยังเย็นอยู่ครับ
ที่เดิมอีกรูปครับ แต่เปลี่ยนมุม
ระหว่างทางจะมีคนนำดอกไม้มาโรยตามก้อนหินครับ ดูสวยงานแปลกตาดีครับ และจะมีคนนำก้านธูปมาโค้งเหมือนจะค้ำก้อนหินกันเยอะมากครับ ใครรู้ความหมายช่วยบอกด้วยครับ ว่าเค้าทำกันเพื่ออะไร
เสียงจากระฆังที่ไม่ค่อยดังกังวาลสักเท่าไหร่ เพราะไม่มีไม้ให้ตีครับ ต้องใช้เหรียญแทน
ระฆังแบบชัดๆ อีกภาพครับ
ต้นไม้ริมหน้าผาครับ เห็นว่ามันสวยดีเลยถ่ายมาด้วย
น้องหมีครับ ซนมาก
เล่นตลอดเวลาไม่หยุดเลยครับ คนเสื้อเหลืองท่าทางจะเหนื่อยน่าดู
ถ่ายขาลงครับ ตอนขึ้นไม่มีโอกาสได้ถ่าย บรรยากาศการรอคิวรถ ตรงทางช่วงที่ 2 ครับ ที่นี่จะแบ่งเป็น 2 ช่วงครับ พอขึ้นมาถึงจะมีจุดเปลี่ยนรถเพื่อขึ้นไปยังด้านบนครับ
จะเดินขึ้นก็ได้นะครับ เมื่อตอนเช้าผมเห็นคนเดินกันเยอะมาก บางคนเดินกันแบบไม่มีไฟฉายด้วยครับ ก็ค่อนข้างอันตรายครับ เพราะว่าต้องเดินบนถนนที่รถวิ่ง
ทางลงครับ
หลังจากออกมาได้ ก็ไปต่อกันที่น้ำตกกระทิงครับ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่มี 13 ชั้น แต่ว่าสามารถขึ้นได้ถึงแค่ชั้นที่ 8 เท่านั้นครับ ทางเดินไปยังน้ำตกชั้นต่างๆ ครับ
น้ำตกครับ จำชั้นไม่ได้ครับ แต่น่าจะประมาณชั้นที่ 5
ยังอยู่ชั้นเดิมครับ แต่ละชั้นหยุดพักนานมากครับ เพราะหมดแรงครับ
ธารน้ำตก น้ำไม่ค่อยมีครับ ถ้าหน้าฝนคงน้ำเยอะกว่านี้
เด็กเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน ใครพาลูกพาหลานไปเที่ยวไหนก็ตาม ต้องช่วยกันให้ความรู้แก่เด็กๆ และไม่ทำตัวเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้เด็กเห็นนะครับ อนาคตจะได้ช่วยกันรักษาธรรมชาติให้คงอยู่ ตอนที่ผมกำลังเดินขึ้นไปเห็นมีผู้ชายอยู่คนนึงเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ดึงต้นไม้ขึ้นมาทั้งต้นเลยครับ ผมได้ยินเสียงเลยหันไปดู เสียดายถ่ายไว้ไม่ทัน ไม่งั้นจะเอามาประจานเลย พอลงมาถึงข้างล่างตรงที่มีเจ้าหน้าที่นั่งอยู่ ก็เห็นเจ้าหน้าที่เข้าไปคุยอะไรก็ไม่รู้ แล้วก็ปล่อยผ่านไป และคนนั้นก็เอาต้นไม้ใส่ถุง ผมคิดว่าถึงจะมีเหตุผลที่ต้องดึงต้นไม้ไป แต่ก็ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นะครับ คิดดูถ้ามีคนไปและดึงกันคนละต้น แล้วมันจะเหลือต้นไม้ให้ดูกันหรือ ยังไงต้องช่วยกันรักษาไว้ครับ จะได้มีเที่ยวกันนานๆ ผมเป็นคนนึงที่พยายามระวังเวลาไปเที่ยวตามธรรมชาติ แต่ก็มีบ้างครับที่เผลอทำลายไปโดยไม่รู้ตัว หรือความที่ไม่รู้ แค่นี้ผมก็ว่าแย่พอแล้ว อย่าให้ถึงกับทำลายเพราะความจงใจเลยครับ ระบายเยอะล่ะเดี่ยวจะเบื่อกันซะก่อน มาดูรูปกันต่อดีกว่า คนที่อยู่ในภาพทุกรูปไม่เกี่ยวกับเรื่องที่ผมเล่านะครับ คนที่ทำเรื่องไม่ดีผมถ่ายไม่ทันครับ
น้ำตกชั้นที่ 6 มีน้องๆ น่ารักเล่นน้ำกันอยู่ชั้นนี้เยอะเลยครับ ผมอยู่ชั้นนี้นานที่สุดเลยครับ แหะแหะ ไม่ใช่เพราะนั่งดูน้องๆ นะครับ พอดีชั้นนี้ผีเสื้อเยอะ เลยพยายามที่จะถ่ายให้ได้ครับ แต่ก็แป๋วววว ถ่ายยากมากครับ มันอยู่ไม่ค่อยนิ่ง
ผีเสื้อครับ
ใครแอบอยู่ข้างหลัง
หลักฐานว่าอยู่ชั้นที่ 6 ครับ นี่พ่อผมเอง ลุยกันขึ้นไป 2 คนครับ แฟนผมกับแม่ ถอนตัวจากการผจญภัยครั้งนี้ครับ นั่งรออยู่ชั้นที่ 2
ชั้นที่ 7 แล้วครับ ตอนแรกว่าจะเดินขึ้นมาแค่ไม่กี่ชั้น แต่เดินแล้วเริ่มมันส์ครับ ก็เลยไม่สุดไม่เลิกครับ ถึงเหนื่อยแต่ก็สนุกครับ
ยังอยู่ที่ชั้นที่ 7 ครับ
ชั้น 7 อีกรูป
จากชั้นที่ 7 จะมองเห็น ชั้นที่ 8 อยู่ด้านบนครับ
และแล้วก็มาถึงชั้นที่ 8 สุดทางแล้วครับ ชั้นที่สูงกว่านี้ ทางอุทยานฯ ไม่ให้ขึ้นแล้วครับ
ชั้นที่ 8 แบบเต็มๆ
แอ่งน้ำที่ชั้น 8
ลงมาถ่ายกับป้ายด้านล่างแล้วครับ กำลังจะกลับล่ะ วันนี้เดินทั้งวัน เหนื่อยมาก
ป้ายอุทยานฯ บ้าง
สุดท้ายสำหรับ อุทยานฯ เขาคิชฌกูฎ แต่คำขวัญนี้ ใช้ได้กับทุกที่นะครับ
กลับมาถึงโรงแรมก็หมดแรงครับ ได้เวลานอนแล้ว เช้าแล้วครับ มาดูภายในโรงแรมยามเช้ากัน
ขนมปังอบ กับช๊อคโกแล็คเย็น อร่อยมากครับ ขนมปังอร่อยกว่าร้านชื่อดังคนเยอะๆ ที่ขายอยู่ที่กรุงเทพฯ ซะอีก
ออกจากโรงแรมไปเที่ยวต่อครับ วันนี้วันสุดท้ายแล้ว วันนี้จะไปที่โอเอซิสซีเวิลด์ กัน แฟนอยากดูปลาโลมาครับ ก่อนเข้าโอเอซิส โทรไปเช็ครอบการแสดงแล้วยังพอมีเวลาเลยไปเที่ยวกันที่แหลมสิงห์ก่อน ไปดูคุกขี้ไก่กัน เหมือนหอเอนที่อิตาลีเลย
แล้วก็ไปขับรถเลียบชายหาด ชายหาดไม่มีอะไรเลยครับ ผิดกับชะอำครับ เคยไปชะอำเมื่อตอนยังเด็ก ไม่มีแม้แต่บ้านคนครับ ที่อาบน้ำยังเป็นกลางแจ้งอยู่เลย น้ำทะเลและทรายสวยมาก เดี่ยวนี้ชะอำกลายเป็นอะไรไปซะแล้ว ไม่เหลือความสวยงามในอดีตไว้เลย นอกเรื่องอีกแล้ว รูปชายหาดไม่มีให้ดูครับ ไม่ได้จอดรถลงไปถ่าย มาถึง โอเอซิส ซีเวิลด์ แล้วครับ ยังพอมีเวลาไปเดินเล่นถ่ายรูปกันก่อน ถ่ายคู่กับทุเรียนยักษ์ ครับ
น้ำเต้าหนักมากกกกก
โลมา มาแล้วครับ ลอดห่วงโชว์สักหน่อย
โชว์เต็มตัวหน่อย เจ้าตัวนี้ยังเด็กอยู่เลยครับ
ใส่หมวกสักหน่อย
เจ้าตัวนี้ใส่แว่น
ขอจบเสี้ยวหนึ่งของภูเขาเมืองจันท์ไว้เท่านี้ครับ จันทบุรี ยังมีภูเขาอีกหลายเสี้ยวไว้คอยต้อนรับอยู่ครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมและทักทายกันครับ เดี่ยวถ้ามีเวลาจะพาไปเที่ยวเกาะช้างครับ นี่ก็ดองไว้นานแล้วเหมือนกันครับ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางครั้งนี้ ไม่ค่อยเยอะมากครับ - ค่าที่พัก ถูกแต่ดี 2 คืน 2 ห้อง ประมาณ 3000 - ค่ากิน คำนวนไม่ถูกครับ - ค่ารถขึ้นเขา ค่าเข้าอุทยานฯ ไม่ถึง 1000 - ค่าเข้าโอเอซิส จำไม่ได้ครับ แต่คิดว่า คนละ 90 ครับ - ค่าน้ำมัน ไม่เสียสักบาทครับ เพราะใช้แก๊ส ประหยัดครับ ค่าแก๊ส ตลอดการเดินทาง ประมาณ 800 บาท