ดองรูปไว้อีกแล้วครับ กว่าจะมีเวลาเอามาลงได้ ทริปนี้ไปเมื่อช่วงวิสาขบูชา เมื่อปี 2549 ครับ 5.30 ณ สนามบิน ครั้งนี้เป็นการขึ้นเครื่องบินครั้งแรกในชีวิต ตื่นเต้นมาก ตอนเครื่องขึ้นไม่เท่าไหร่ก็แค่หูอื้อ แต่ตอนลงนี่สิหูแทบระเบิด ยังไม่ทันได้เที่ยวเลยก็ทรมานล่ะ ภาพที่เห็นคือตอนอยู่บนเครื่องแล้ว ใช้บริการของการบินไทย
นั่งยังไม่ทันเมื่อยเลยก็มาถึง อุบลฯ ล่ะ พอรับกระเป๋าเสร็จก็ไปทานอาหารเช้าที่ สามชัยไข่กะทะ สั่งเหมือนอดอยากมาจากไหนไม่รู้ ลืมบอกไปครั้งนี้ที่บริษัทจัดทัวร์มา กินเที่ยวไม่มีอั้น
พอกินกันจนคนขายนั่งนับจานกันไม่ถูก ก็ลุกจากโต๊ะ ให้คนขายงงอยู่ตรงนั้นแหละ หลังจากนั้นก็มาชมวัดทุ่งศรีเมือง พอดีมีเวียนเทียนเลยเข้าไปร่วมแจมด้วย ในภาพเป็นบรรยากาศภายในวัด
มาต่อกันที่แก่งสะพือ ช่วงนี้น้ำมาก เลยไม่ค่อยเห็นแก่งสักเท่าไหร่
และแล้วก็มาถึง อ.โขงเจียม หลังจากทานอาหารเที่ยงบนแพอาหารริมโขง ก็เดินทางต่อมาที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม ที่นี่มีมนุษย์ยุคโบราณให้ดูด้วย จริง ๆ แล้วก็คือ เด็กในอุทยานฯ มาแสดงให้นักท่องเที่ยวดู
แม่น้ำโขงมองจากริมหน้าผา
ถ่ายรูปกันริมหน้าผาเลย เสียวน่าดู
หลักฐานว่าอยู่ผาแต้มจริงๆ
ทางเดินไปชมภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ อายุ 3000 ปี สวยงาม น่าเดินมาก
ภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ มาทายกันว่ารูปอะไรบ้าง
แวะเสาเฉลียงก่อนจะโบกมือลาผาแต้ม
วันแรกก็เหนื่อยซะแล้ว จริง ๆ แล้วเดินไม่เหนื่อยเท่าไหร่ แต่แดดมันร้อนมาก และแล้วก็มาถึงที่พัก พักที่ ทอแสง โขงเจียม วิวสวยงามมาก ไม่รู้ว่าราคาคุ้มค่ารึป่าว ไม่ได้เป็นคนจ่ายเงิน เพราะผมว่าห้องมันค่อนข้างจะเล็ก แต่ไม่เป็นไรเพราะมีธรรมชาติอันสวยงามชดเชยแล้ว
ขอปิดวันแรกด้วยภาพพระอาทิตย์ยามเย็น
5.00 น. ต้องรีบตื่นนอนเพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้น ต้องนั่งรถออกไปชมกันใกล้ ๆ ที่พัก ที่นี่สว่างเร็วมาก ตื่นมาก็ฟ้าสว่างแล้ว นึกว่าจะไม่ทันดูพระอาทิตย์ขึ้นล่ะ
กลับมาถึงที่พักก็ไปทานอาหารเช้า อาหารที่นี่ถือว่าใช้ได้ มีให้เลือกหลายอย่าง ทานไปชมวิวแม่น้ำไป มีความสุขจริง ๆ มัวแต่ทานจนลืมถ่ายรูป เลยได้มาแค่รูปเดียว
ออกจากที่พัก มาที่ด่านช่องเม็ก เพื่อข้ามไปฝั่งลาว ที่นี่มีของขายเยอะมาก เนื่องจากเวลามีจำกัดเลยไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู ขอข้ามไปฝั่งลาวเลยล่ะกัน จากช่องเม็ก นั่งรถประมาณ 1 ชม. ก็มาถึงที่ปากเซ จากปากเซ ต้องนั่งรถต่อไปอีก เกือบ 2 ชม. ไปขึ้นเรือเพื่อล่องแม่น้ำไปชมหลี่ผี ทิวทัศน์ ริมน้ำโขง ระหว่างนั่งเรือไปหลี่ผี นั่งเรือประมาณ ครึ่งชั่วโมง
ขึ้นจากเรือ ต้องต่อรถท้องถิ่น (รถกระป๋องบ้านเรานี่เอง) เข้าไปที่น้ำตกอีก 20 นาที ทางมันส์มาก โชคดีที่ออกคันแรกเลยไม่ได้กินฝุ่นสักเท่าไหร่
ทางเดินเข้าสู่ น้ำตกหลี่ผี
และแล้วก็มาถึงซะที เดินไม่ไกลมาก ยังไม่ทันเหนื่อยเลย น้ำตกอลังการ สวยมาก ไม่นึกว่าจะสวยขนาดนี้ คุณไกด์บอกว่าช่วงนี้น้ำน้อย ถ้าช่วงน้ำมาก จะสวยกว่านี้
เสียดายยังไม่ทันได้ชื่นชมอย่างเต็มที่ก็ต้องรีบออกล่ะ ไปกับทัวร์นี่ไม่ค่อยดีเลย เดินทาง 3 ชั่วโมง ได้มาดูแค่ 30 นาที จากนั้นเดินทางต่อไปคอนพะเพ็ง น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในเอเซียอาคเนย์ สมญานาม ไนแองการ่าแห่งเอเซีย ยิ่งใหญ่จริง ๆ ภาพที่ถ่ายมาไม่สามารถยิ่งใหญ่และสวยงาม เท่ากับที่ตาเห็นได้ ก็ทนดูเอาล่ะกัน
ออกจาก คอนพะเพ็ง ประมาณ 5 โมง มาถึงปากเซ 1 ทุ่ม ไปทานอาหารค่ำกันที่ จำปาสัก พาเลส ที่เกือบจะได้นอนที่นี่ แต่ไม่รู้ทำไมถึงไม่ได้นอน ตั้งแต่ข้ามมาฝั่งลาว ขอบอกว่าอาหารไม่ค่อยจะถูกปากเลย
พอทานเสร็จก็ไปที่พักในคืนนี้ ก็คือ โรงแรมปากเซ หลังจากเข้าห้องพัก ก็ออกไปเดินเล่นแถวโรงแรม กลางคืนเงียบเหงาจนน่ากลัว ได้ไปเดินเล่นในห้างใกล้ ๆ โรงแรมด้วย
โปรแกรมวันสุดท้ายนี้ไม่มีอะไรมาก มีแค่เดินเที่ยวกับซื้อของฝาก ยามเช้าหน้าโรงแรมปากเซ ซึ่งเป็นที่พักเมื่อคืนนี้
บนดาดฟ้าของโรงแรมปากเซ
ห้างสรรพสินค้าที่เมื่อคืนมาเดิน ของส่วนมากที่ขาย เป็นของจากประเทศไทย รู้สึกเหมือนอยู่เมืองไทยเลย มีแต่ภาษาไทยเต็มไปหมด
ตลาดเช้าที่ปากเซ คนเยอะมาก ของขายมากมาย
กลับมาที่ช่องเม็ก ก่อนข้ามกลับประเทศไทย ใกล้สิ้นสุดการเดินทางล่ะ ทริปนี้รถทัวร์จอดที่ไหน แม่ค้ายิ้มเลย ช็อปกันกระจาย ซื้อกันแบบไม่คิดถึงตอนขึ้นเครื่องกลับเลย
อาหารมื้อสุดท้ายในการเดินทางครั้งนี้ เป็นอาหารเวียดนาม
ไปถึงสนามบินอุบลฯ ตอนบ่ายสอง เครื่องออก สี่โมงครึ่ง รอกันจนเบื่อ หกโมงครึ่ง ก็มาถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ ขากลับไม่ปวดหูล่ะ แต่เมื้อยปากแทน เพราะเคี้ยวหมากฝรั่งตลอด ตั้งแต่เครื่องขึ้นยันเครื่องลง ขอจบทริปนี้แต่เพียงเท่านี้ครับ ขอบคุณที่เข้ามาชม แล้วพบกันใหม่ทริปหน้าครับ